Last updated: 20 ต.ค. 2568 | 50 จำนวนผู้เข้าชม |
ในงานเชื่อมโลหะ ไม่ว่าจะเป็นงานโครงสร้างทั่วไปหรืองานคอนกรีตอัดแรง “คุณภาพของลวดเชื่อม” ถือเป็นหัวใจของความแข็งแรงทั้งหมด แต่สิ่งที่หลายคนมักมองข้าม คือ “ขั้นตอนการอบลวดเชื่อม” ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการเกิดรอยร้าวและความทนทานของชิ้นงาน
บริษัท ไต้ทงแมชชีนเนอรี่ จำกัด ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรงานคอนกรีตอัดแรงครบวงจร เข้าใจดีว่าทุกกระบวนการผลิตตั้งแต่ลวดเชื่อมจนถึงเครื่องอัดแรง ต้องอาศัยความละเอียดและมาตรฐานสูง เพื่อให้ผลงานสุดท้ายมีความปลอดภัยและคงทนยาวนาน บทความนี้จะพาคุณมารู้จัก “การอบลวดเชื่อม” อย่างเข้าใจ ตั้งแต่เหตุผลที่ต้องอบ วิธีการอบที่ถูกต้อง ไปจนถึงเทคนิคควบคุมคุณภาพที่มืออาชีพใช้จริง
ก่อนจะเริ่มต้นใช้งานลวดเชื่อม บางประเภทจำเป็นต้องผ่านกระบวนการอบ (preheating / baking / drying) ด้วยเหตุผลดังนี้:
ไล่ความชื้น (Moisture Removal)
ฟลักซ์หรือตัวห่อหุ้มของลวดเชื่อมมักดูดซับความชื้นจากอากาศ ถ้านำลวดมาเชื่อมโดยไม่อบ ความชื้นจะกลายเป็นไฮโดรเจน (H₂) และอาจก่อให้เกิด “การแตกร้าวจากไฮโดรเจน” (hydrogen cracking) ได้ โดยเฉพาะในลวดเชื่อมเกรดไฮโดรเจนต่ำ (low-hydrogen electrodes)
ลดการเกิดฟองก๊าซ / การแตกร้าวในรอยเชื่อม
ถ้าฟลักซ์มีความชื้นภายใน เมื่อถูกความร้อนในระหว่างเชื่อมจะเกิดฟองก๊าซในโลหะหลอมเหลว ส่งผลให้รอยเชื่อมอาจมีรูพรุน (porosity) หรือรอยแตกร้าวได้ เสถียรภาพของลวด / คุณสมบัติทางกลที่ดีกว่า กระบวนการอบอาจช่วย “ลดความเครียดภายใน (internal stresses)” ที่เกิดจากกระบวนการผลิตลวด ช่วยให้ลวดมีการยืดตัว / พฤติกรรมการแปรสภาพ (stress-strain behavior) ที่เสถียรกว่าเมื่อนำไปใช้งานจริง
ลดการผุ แก๊ส และการเสื่อมสภาพ
ถ้าลวดถูกเก็บไว้ในสภาพอากาศชื้นโดยไม่อบ อาจเกิดคราบสนิม หรือสารเคลือบภายนอกถูกทำลาย ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการเชื่อมและความทนทานของรอยเชื่อม เพราะฉะนั้น สำหรับลวดเชื่อมที่สำคัญในงานโครงสร้าง วิศวกรหรือช่างเชื่อมจึงมักให้ความสำคัญกับการอบลวดเชื่อมก่อนใช้งาน
ประเภทลวดเชื่อมที่ ควรอบ และ ไม่จำเป็นต้องอบ
ไม่ใช่ลวดเชื่อมทุกชนิดที่จะต้องอบ บางประเภทสามารถใช้งานได้เลยโดยไม่ผ่านการอบ เช่น
ลวดเชื่อมกลุ่มไฮโดรเจนต่ำ / Basic Electrode (เช่น E7018, E8018 ฯลฯ)
มักถูกกำหนดให้ต้องอบที่อุณหภูมิในช่วง 260 – 425 °C เป็นเวลา 1–2 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับมาตรฐานผู้ผลิต) เพื่อไล่ความชื้นและลดความเสี่ยงต่อ hydrogen cracking Long Well Thai
ลวดเชื่อมกลุ่มรูไทล์ (Rutile) / เซลลูโลส / ลวดเชื่อมทั่วไปที่ใช้ในงานเบา
ในหลายกรณีไม่จำเป็นต้องอบลวดเชื่อม เพราะงานไม่ได้เน้นแรงสูง หรือความแข็งแรงของรอยเชื่อมไม่เข้มงวดมาก ในการเลือกใช้งาน ควรตรวจสอบ มาตรฐานลวดเชื่อม (เช่น มาตรฐาน AWS A5, มาตรฐานผู้ผลิต) ซึ่งมักมีระบุว่าลวดนั้น “ต้องอบ” หรือ “อบได้” หรือ “ไม่ต้องอบ” และระบุอุณหภูมิ-เวลาในการอบไว้
อุปกรณ์และเครื่องมือ
ลวดที่ถูกอบแล้วควรเก็บอยู่ในตู้อบหรือภาชนะที่รักษาอุณหภูมิ (Hold) ตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการเปิดฝาตู้ทิ้งไว้ ถ้าลวดที่เบิกไปแล้วใช้ไม่หมด ให้เก็บไว้ในภาชนะที่รักษาอุณหภูมิ (150 °C) และเมื่อจะใช้อีกครั้งให้อบซ้ำ (โดยมากจะจำกัดจำนวนครั้งซ้ำ) ต้องมีการบันทึกการเบิกใช้งาน เช่น จำนวนลวด, ขนาด, เวลา, ช่างเชื่อม ฯลฯ เพื่อควบคุมคุณภาพ
เคล็ดลับ / ข้อควรระวัง
แม้หัวข้อหลักคือ “อบลวดเชื่อม” แต่ในงานโครงสร้างคอนกรีตอัดแรง (prestressed concrete) เรามักมีลวดเหล็กแรงดึงสูง (PC wire / PC strand) ซึ่งผ่านกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน เช่น cold drawing, stress relieving, strain tempering ฯลฯ
ลวดเหล็กแรงดึงสูง (PC wire) โดยทั่วไปจะถูกผลิตโดย cold drawing และ heat treatment / tempering / stress relieving เพื่อให้ได้สมบัติเชิงกลที่เหมาะสม เช่น ความแข็งแรง สูงสุด, การสูญเสียแรง (relaxation) ต่ำ ฯลฯ ในกระบวนการผลิต บางเทคนิคใช้ induction heating, quenching, tempering ที่อุณหภูมิ ~400–500 °C เพื่อให้ได้โครงสร้างโลหะที่เสถียร มีแรงยึดเหนี่ยวดี และลดแรงตกค้างภายใน
หลังจากผลิตแล้ว หลีกเลี่ยงให้เหล็กโดนความร้อนสูงเกินไปในไซต์งาน เพราะอาจทำให้โครงสร้างปรับเปลี่ยน (recrystallization) และลดสมบัติแรงดึงลงได้ ดังนั้น ถึงแม้ในงานคอนกรีตอัดแรงเราอาจไม่เรียก “อบลวดเชื่อม” ในบทบาทเดียวกับลวดเชื่อมทั่วไป แต่แนวคิดเรื่องการควบคุมอุณหภูมิ การอบรักษา (heat treatment) มีบทบาทสำคัญในกระบวนการผลิตและการเก็บรักษาเหล็กแรงดึงสูง
สรุป
การอบลวดเชื่อมถือเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพของงานเชื่อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลวดเชื่อมชนิดไฮโดรเจนต่ำ ซึ่งมีความไวต่อความชื้น หากไม่ได้รับการอบอย่างถูกต้องอาจเกิดปัญหารอยร้าวหรือฟองก๊าซในแนวเชื่อมได้ การควบคุมอุณหภูมิและระยะเวลาในการอบจึงต้องเป็นไปตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด รวมถึงมีการบันทึกข้อมูลการอบและการเบิกใช้งาน เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับและควบคุมคุณภาพได้อย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการอบซ้ำหลายครั้งเกินไป เพราะอาจทำให้คุณสมบัติของลวดเชื่อมลดลง การรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในช่วงคงที่และเหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งานของลวดและคงคุณภาพแนวเชื่อมได้ดีที่สุด สำหรับงานคอนกรีตอัดแรง กระบวนการควบคุมความร้อนและการอบวัสดุยังมีบทบาทสำคัญในขั้นตอนการผลิตลวดแรงดึงสูง
ซึ่งต้องการความแม่นยำและความเสถียรของโครงสร้างโลหะ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่แข็งแรงและทนทานสูงสุด ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับแนวทางของ บริษัท ไต้ทงแมชชีนเนอรี่ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องจักรงานคอนกรีตอัดแรงครบวงจร ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพในทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การออกแบบชิ้นส่วน ไปจนถึงการส่งมอบเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย เพื่อสนับสนุนให้ทุกโครงการก่อสร้างของลูกค้าดำเนินได้อย่างมั่นคงและได้มาตรฐานระดับสากล
28 มิ.ย. 2567
21 เม.ย 2565
10 ก.ย. 2568